ปัจจุบันโลกของเราได้ก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มตัว  มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกต่อยอดและพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตของแต่ละอาชีพ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์  ตอนนี้เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้เพียงแค่มีอุปกรณ์สื่อสาร เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในเรื่องดีๆ ก็มีอยู่บ้าง แต่ในเรื่องผลเสียนั้นก็มีตามมา หากเราใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้นมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคเครียด โรคซึมเศร้า โรคออฟฟิศซินโดรม โรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น

ผู้หญิงทำงาน

Work from Home อย่างไรไม่ให้เสียสายตา

  • ลดความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
  • ติดฟิล์มลดแสงหรือกรองแสงสีฟ้าที่จอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
  • งดใช้อุปกรณ์ให้แสงสีฟ้าในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น เล่นสมาร์ทโฟนในที่มืด ปิดไฟดูโทรทัศน์ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงภัยจากแสงสีฟ้าทั้งสิ้น
  • พักสายตาทุก 20 นาที
  • ทานอาหารที่เป็นแหล่งของลูทีนและซีแซนทีน
  • เสริมวิตามินช่วยดูแลดวงตา
  • การพักสายตาที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ถ้าไม่สามารถนอนได้ ให้มองไปไกลๆ เพื่อลดการเพ่งของสายตา เป็นการบรรเทาความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาได้

ผู้หญิงถือส้ม

วิตามินบำรุงสายตา หรือสารอาหารที่ช่วยบำรุงและปกป้องดวงตา

  • สารในตระกูลแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) เช่น ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งพบในบริเวณเนื้อเยื่อตา และพบมากที่สุดบริเวณจุดศูนย์กลางของจอประสาทตา ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอตาเสื่อม ได้ 40% ทั้งยังช่วยกรองแสงสีฟ้าที่อาจทำลายดวงตา
  • สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) จากบิลเบอร์รี (Bilberry) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมาก ช่วยป้องกันต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม ต้านการอักเสบ และเพิ่มระดับของโรดอปซิน (rhodopsin) ซึ่งจำเป็นต่อการปรับสายตาในที่แสงน้อยหรือการมองเห็นในที่มืด
  • สารไลโคปีน (Lycopene) จากผิวมะเขือเทศ เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ช่วยป้องกันเยื่อบุตาอักเสบ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา
  • สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) พบในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวม (Mixed Berry Blend) เช่น บิลเบอร์รี (Bilberry) แครนเบอร์รี (Cranberry) บลูเบอร์รี (Blueberry) ราสเบอร์รี (Raspberry) โกจิเบอร์รี (Goji Berry) หรือเก๋ากี้ ต่างก็มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของจอประสาทตา ฟื้นฟูเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงดวงตา
  • สารเบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ป้องกันดวงตาจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลต
  • วิตามินเอ (Vitamin A) วิตามินสำหรับดวงตา มีประโยชน์ต่อสมรรถภาพในการมองเห็น นอกจากนี้ยังควบคุมการทำงานของเซลล์ผิวหนังและเซลล์เยื่อบุทั่วร่างกายให้เป็นปกติ
  • วิตามินอี (Vitamin E) และวิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ดี ป้องกันการทำลายเซลล์หรือลดความเสื่อมของตา
  • สารสกัดจากเปลือกสน (Pine Bark Extract) และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ต่างมีสารที่ชื่อ OPC ช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงดวงตา ป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตา นอกจากนั้นยังช่วยลดความหยาบกร้านของเซลล์ผิว ลดการเกิดกระและฝ้า ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส
  • สารสกัดจากมะขามป้อม (Emblica Extract) อุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยบำรุงเส้นเลือดฝอยและรักษาทำงานของเซลล์จอประสาทตา ช่วยลดอาการคันและอาการตาแห้งได้

แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์จะเติบโตมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนต่างได้รับการรักษากันอย่างง่ายดายและไม่เป็นอันตรายเหมือนแต่ก่อน แต่ทางที่ดี เราควรดูแลดูแลตัวเองให้แข็งแรงไว้เสมอ อนาคตเราอาจไม่รู้ก็ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา

ข้อมูลจาก : นพ. ไพศิษฐ์ ตระกูลก้องสมุท

Author Image

Sunny

Happy Work Happy Life