ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
โดย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้มีการลดเวลาเคอร์ฟิวออกไป 1 ชั่วโมง
จากเดิมเวลา 22.00 – 04.00 น. เปลี่ยนเป็นเวลา 23.00 - 03.00 น. โดยเริ่มให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 สามารถสรุปเนื้อหาได้ตามนี้
- ปรับเวลาเคอร์ฟิวลดลง 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 23.00-03.00 น.
- เดินทางข้ามจังหวัดได้ภายใต้มาตรการที่รัฐกำหนด
- ขยายเวลาเปิดห้างสรรพสินค้าได้จนถึง 21.00 น.
- ยังห้ามดื่มสุราในร้านอาหาร แต่ให้ขายไปทานที่บ้าน
- เปิดฟิตเนสได้ทั้งหมด สนามกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล ลีลาศ โบว์ลิ่ง สเก็ตหรือโรลเลอร์เบลด และเจ็ตสกี ไคท์เซิร์ฟ
- เปิดโรงหนังให้นั่งคู่กันได้ แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัย และห้ามเข้าชมเกิน 200 คนต่อรอบฉาย
- ร้านตัดผม ให้ทำสีผมได้ แต่ให้ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- เปิดสปา ร้านนวด นวดฝ่าเท้า งดอบตัว อบไอน้ำแบบรวม และนวดหน้า
- เปิดคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สัก-เจาะผิวหนัง และเพิ่มเติมทำใบหน้าได้
- ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดการ จำกัดพื้นที่รวมไม่เกิน 20,000 ตารางเมตร เปิดถึง 21.00 น.
- เปิดสวนสัตว์ หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์
คณะกรรมการฯ มีความคิดที่จะทยอยเปิดธุรกิจร้านค้าเรื่อยๆ โดยจะมีการพิจารณาการเปิดร้านค้าอื่นๆ อีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2563 ในกิจการที่มีความพร้อมควบคู่กับต้องดูสถานการณ์ด้วย ไม่ต้องรอ 14 วันตามหลักการเดิม แต่ทั้งนี้ต้องหารือกับ ศบค. ว่าจะเห็นชอบตามหลักการนี้หรือไม่
ส่วนภายหลังเดือนมิถุนายน มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เลขา สมช. กล่าวว่า ต้องมีการหารือกันว่า กฎหมายพิเศษยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ และประเมินสถานการณ์ซึ่งก็อาจกลับไปใช้กฎหมายปกติ ทุกอย่างมีความเป็นไปได้หมด
สำหรับกิจการและกิจกรรมที่คาดว่าจะได้รับการผ่อนคลาย ในระยะที่ 3 อาทิ ห้างสรรพสินค้า ซึ่งอาจขยายผ่อนคลายโรงภาพยนตร์ นวดแผนโบราณ ที่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการ ผ่อนคลายการเดินทางไปต่างจังหวัดของประชาชน ขณะที่โรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ สวนสนุก อาจยังต้องให้มีการรอและพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะยังเป็นกลุ่มกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่
ข้อมูลจาก : THE STANDARD และไทยรัฐออนไลน์