หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว คาดว่าใครหลาย ๆ คนก็คงตื่นเต้นกันไม่น้อยและเฝ้ารอวันที่จะได้เริ่มงานใหม่ การเริ่มทำงานนับว่าเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตจริงๆ  จึงทำให้บางคนเริ่มเครียดกับการเริ่มงานใหม่ เพราะไม่รู้ว่าสังคมที่เราจะไปเจอเป็นอย่างไร และต้องรับแรงกดดันมากแค่ไหน หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “อยู่เป็น” ในที่นี้คือการที่เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ที่เราทำงานและสังคมที่เราต้องอยู่ได้ แล้วจะทำให้ชีวิตในการทำงานของเราง่ายยิ่งขึ้น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการเริ่มทำงานและการปรับตัวควรเริ่มจากที่ใดก่อน วันนี้เราขอนำเสนอวิธีการปรับตัวให้เข้ากับที่ทำงาน คือ 

ทักทายให้เป็น ยิ้มแย้มเก่งเป็นที่ 1

ไม่ว่าเราจะเจอใคร เรามักจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการทักทายเสมอ ลองสร้างมิตรภาพง่าย ๆ ด้วยการทักทายพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วยการพูด “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” ครั้งเจอตอนเช้าช่วงเข้าทำงาน และการกล่าวลาหลังเลิกงานอย่าง “ไปก่อนนะครับ/ไปก่อนนะคะ” พร้อมยกมือไหว้งาม ๆ ดูซิ แล้วจะมีแต่คนเอ็นดูเรา อย่าลืมการทำแบบนี้ควรทำให้เป็นนิสัย อย่าเป็นอันขาดที่ทำครั้งเดียวแล้วทิ้ง  

นอกจากนี้การรู้จักชื่อของเพื่อน และพี่ในที่ทำงานให้ได้มากที่สุด ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับมัดใจในที่ทำงานด้วย  เพราะการที่เราสามารถจดจำชื่อเขาได้ นั่นก็แปลว่าเราเป็นคนที่มีความเอาใจใส่คนอื่น นอกจากนี้ยังควรสังเกตรายละเอียดของเพื่อนร่วมงาน เช่น ใครชอบกินอะไร กิจกรรมที่แต่ละคนชอบ หัวข้อในการสนทนาแต่ละครั้ง แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนที่ใส่ใจเสมอ เมื่อเราเริ่มรู้แนวทางก็เริ่มชวนคุย เพื่อเพิ่มความรู้สึกเป็นกันเองในที่ทำงานได้

ขยันเรียนรู้ และจงเปิดใจรับฟังผู้อื่น

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีประสบการณ์การการทำงานมาก่อน หรือแม้ว่าคุณจะเรียนเกี่ยวกับสายงานนั้นมาแต่ไม่เคยได้ลงมือทำจริงเลยซักครั้ง คุณควรตั้งสติ และพยายามเก็บเกี่ยวความรู้ที่เพื่อนร่วมงานสอนคุณให้ได้มากที่สุด เพราะนั่นเท่ากับว่าคนสนใจที่จะทำงานนี้จริง ๆ ไม่ว่าวิธีการจดจำจะใช้การจดบันทึก หรืออัดเสียงถ่ายคลิปไว้ก็ตาม ที่สำคัญต้องมีทัศนคติที่เป็นบวก พร้อมที่จะหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ แล้วจะทำให้เราทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น

กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่อวดเก่ง

ในทุก ๆ วันที่เรามาทำงานและเรียนรู้งานนั้น ก็อาจทำให้เราได้ไอเดียใหม่ ๆ เกี่ยวกับงานที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงานที่เราต้องรับผิดชอบหรือนิสัยเพื่อนร่วมงานที่เราต้องคุยด้วย ในการทำงาน เราจำเป็นต้องมีความกล้าในการเสนอไอเดียที่เราคิด และแน่นอนว่าเราต้องยอมรับกับเสียงตอบรับที่เราจะได้รับกลับมาด้วย 

ซึ่งอาจมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี เมื่อเราได้รับกลับมาก็ควรนำกลับมาปรับปรุงงานของเราให้ดียิ่งขึ้น อย่ายึดมั่นว่างานที่เราคิดนั้นดีที่สุดเพราะเราคิดมาอย่างดีแล้ว พยายามน้อมรับเอาความคิดของคนอื่นมาปรับปรุงงานของตัวเองด้วย เพราะบางครั้งเราอาจจะมองไม่เห็นข้อผิดพลาดของเรา แต่คนอื่นอาจจะมองเห็นก็ได้

ชีวิตการทำงานที่ไม่ได้ทำแต่งานอย่างเดียว

ในชีวิตการทำงานนั้น เราอาจจะคิดว่าเรามาที่ทำงาน เราต้องทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วมันคือการเข้าสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง ในบางครั้งเราอาจต้องอยู่ในที่ทำงานมากกว่าอยู่ที่บ้านของเราเสียอีก อีกทั้งยังต้องเจอกับเพื่อนร่วมงานของเรามากกว่าครึ่งวัน ดังนั้นการผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันจะเป็นการเปิดทางให้เราใช้ชีวิตในที่ทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น 

ในบางครั้งเราอาจจะมีนัดกินข้าวเย็นกับกลุ่มเพื่อนร่วมงาน ออกไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน หรือออกไปปาร์ตี้สังสรรค์กันในช่วงสิ้นเดือน บางบริษัทก็จะมีการจัดทริป Outing ซึ่งถือเป็นอีกงานที่ควรเข้าร่วมอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการเปิดสังคมให้เราได้รู้จักคนมากกว่าเดิม อาจจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานต่างแผนก เรียนรู้ว่าบางคนก็ควรผูกมิตร แต่บางคนก็ควรอยู่ออกห่างให้ไกลที่สุด

ตรงต่อเวลาเสมอ ไม่ทำตัวเป็นนางสาวข้าวผัด

ด้วยความที่สมัยมหาวิทยาลัย เราสามารถจัดตารางเรียนได้ตามที่เราต้องการ บางวันเราอาจเรียนสายหรือบางวันเราอาจเรียนเช้า ทำให้ยังรู้สึกว่าเรายังสามารถยืดหยุ่นเวลาได้บ้าง ในขณะที่การทำงาน เราจำเป็นต้องมาตรงเวลาหรือมาก่อนเวลาทำงานเสมอและทุกวัน ทำให้รู้สึกว่าเคร่งเครียดเกินไป 

ดังนั้นเราจึงควรปรับนิสัยของเราให้ตื่นเช้ามากยิ่งขึ้น พยายามมาถึงทำงานไม่ให้สายเกินกว่าเวลางาน เพราะหากเรามาสายก็จะมีผลต่อการประเมินในการทำงานของเราด้วย หรือถ้าบางวันเราทำงานเสร็จเร็วกว่าเวลาเลิกงานก็พยายามถามไถ่เพื่อนร่วมงานว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง แสดงความมีน้ำใจของเราให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นรู้สึกเอ็นดู การส่งงานก็เช่นกัน เราควรจะส่งงานก่อนระยะเวลาที่กำหนดหรือภายในระยะเวลากำหนดส่งงาน ไม่ควรส่งงานเลท เพราะอาจส่งผลกระทบถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นและบริษัทได้ นอกจากนี้ยังควรเช็คงานก่อนส่ง เพื่อดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนควรแก้ไขบ้าง

สรุป

สำหรับคนที่เรียนจบใหม่และกำลังจะเริ่มงานในไม่ช้า การปรับตัวในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ชีวิตในมหาวิทยาลัยและชีวิตในการทำงานถือว่าต่างกันมาก การเข้าสังคมก็เช่นกัน เราต้องพยายามปฏิบัติตัวให้ใกล้เคียงกับสังคมที่ทำงานให้ได้มากที่สุด ดังสุภาษิตที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” เมื่อเราสามารถเข้ากับสังคมที่ทำงานได้แล้ว ชีวิตในการทำงานของเราก็จะง่ายยิ่งขึ้น

Author Image

Sunny

Happy Work Happy Life