หลังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในพม่า ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของพม่าระบุว่า พบผู้ป่วยในประเทศรายใหม่ในรัฐยะไข่มากที่สุด นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยในพะโค ย่างกุ้ง รัฐฉาน และเมาะละแหม่ง จนต้องประกาศล็อกดาวน์รัฐยะไข่-ขยายเวลาห้ามบินเข้าประเทศไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 63 นั้น
ล่าสุดพบว่าตัวเมืองท่าขี้เหล็ก หัวเมืองชายแดนสำคัญของรัฐฉาน ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซบเซาลงอีก ตามท้องถนนสายต่างๆ มียานพาหนะผ่านไปมาน้อยลง แม้ว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะเลิกตั้งจุดตรวจและนำสิ่งกีดขวางออกจากถนนไปแล้วก็ตาม
เช่นเดียวกับตลาดท่าล้อ ซึ่งเป็นตลาดชายแดนใหญ่ติดสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ก็ซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เคยมีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จากฝั่งไทย เช่น เจดีย์ชเวดากองจำลอง ฯลฯ ก็แทบไม่มีผู้คน เพราะด่านพรมแดนไทย-พม่ายังคงปิดตลอดแนว เหลือเพียงสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ที่เปิดให้ขนส่งสินค้าระหว่างกันเท่านั้น
ชาวบ้านในท่าขี้เหล็กกล่าวว่า หลังจากมีการปิดด่านพรมแดนไทย-พม่า และสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกแรกผ่านพ้นไปได้ระยะหนึ่ง ชาวพม่าได้กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ทางการไม่ได้ห้ามออกนอกเคหสถานหรือประกาศเคอร์ฟิวในเวลากลางคืน และแม้นักท่องเที่ยวจากฝั่งไทยข้ามไปไม่ได้แต่ผู้คนก็ใช้ชีวิตกันอย่างคึกคัก
แต่หลังจากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ที่รัฐยะไข่ ก็ทำให้ผู้คนไม่กล้าออกนอกบ้านหรือไปตามแหล่งชุมชนโดยเฉพาะตลาดกันมากเหมือนเดิม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดการเข้าไปใช้บริการตามสถานบันเทิง เช่น ผับ บาร์ ฯลฯ มีการปิดโรงเรียนจนกว่าจะมีคำสั่งเปิดใหม่ทำให้สภาพทั่วไปของท่าขี้เหล็กซบเซาลงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ของพม่าแจ้งว่าสถานการณ์ยังไม่รุนแรงเหมือนครั้งก่อน และพื้นที่พบผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ห่างจากรัฐฉานมาก ดังนั้นสนามบินท่าขี้เหล็กซึ่งบินเชื่อมกับเมืองใหญ่ต่างๆ ในพม่า เช่น ย่างกุ้ง เชียงตุง ตองจี ฯลฯ รวมทั้งรถโดยสารสายต่างๆ ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ เพียงแต่มีการตรวจสอบผู้โดยสารขาเข้าที่มาจากเมืองอื่นต้องให้กักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และผู้ที่มาไข้สูงจะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลท่าขี้เหล็กหรือเชียงตุงทันที
ด้าน จ.เชียงราย พบว่าระหว่างวันที่ 23 มี.ค.-30 ส.ค. เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมืองได้จับกุมผู้ลักลอบข้ามมาจากฝั่งท่าขี้เหล็กได้ 57 ครั้ง ผู้ต้องหา 149 ราย เป็นชาวพม่า 81 ราย ไทย 54 ราย ลาว 12 ราย และจีน 2 ราย ขณะที่มีผู้ขออนุญาตข้ามแดนมาอย่างถูกต้องตั้งแต่เดือน เม.ย.-ส.ค.นี้จำนวน 504 คน ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังเหลือผู้ที่อยู่ในขั้นตอนการกักตัวเพียงแค่ 23 ราย และเมื่อรวมกับผู้มาจากประเทศอื่นๆ แล้วมีจำนวนรวม 26 ราย
กรณีมีการเดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายจะกักตัวที่โรงแรมในเขต อ.เมืองเชียงราย หรือ Local Quarantine แต่หากผิดกฎหมายจะกักที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) จ.เชียงราย ส่วนการลักลอบเข้ามาของชาวต่างด้าวจะถูกดำเนินคดีและผลักดันกลับทั้งหมด
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์