หลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซ้ำอีกระลอกในพม่า ซึ่งพบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศในรัฐยะไข่ พะโค ย่างกุ้ง เมาะละแหม่ง จนทางการพม่าต้องประกาศล็อกดาวน์ รวมทั้งขยายเวลาห้ามบินเข้าประเทศไปจนถึง 30 กันยายน 63 ขณะที่ไทยก็ต้องเข้มงวดการเข้าออกพรมแดนด้านตะวันตกตลอดแนวตั้งแต่เหนือจดใต้ โดยกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือสั่งการไปยัง 10 จังหวัดชายแดนทั้งเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง คุมเข้มเต็มที่นั้น
พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า วานนี้ (28 ส.ค.) เพื่อตรวจความพร้อมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยในการรับมือไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดรอบใหม่ ซึ่งในพื้นที่ 5 อำเภอแนวชายแดนจังหวัดตาก มีพรมแดนติดกับประเทศพม่าระยะทางยาวกว่า 500 กิโลเมตร
โดยเข้าตรวจความพร้อมเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ประจำด่าน ตม. ด่านเอกซเรย์บุคคลเข้าออกของหน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ทีมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยประจำด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 มีความพร้อม หลังต้องทำงานอย่างหนักต่อเนื่องมานานหลายเดือน ก่อนประชุมหัวหน้าส่วนราชการและวางกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดตลอดแนวชายแดน 24 ชั่วโมง
พล.ท.ฉลองชัย แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศพม่า ที่กำลังระบาดครั้งใหม่ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่อำเภอแม่สอด และทุกอำเภอแนวชายแดนจังหวัดตาก ได้ใช้ทุกมาตรการอย่างเข้มงวดรัดกุมในทุกพื้นที่
กรณีรถขนส่งสินค้าข้ามชายแดน ที่กำหนดให้ใช้คนมากับรถได้ไม่เกินคันละ 2 คนนั้น ก็จะหามาตรการควบคุมบุคคลทั้งหมดที่เข้าออกผ่านด่านพรมแดนถาวรแม่สอดไม่ให้มีการลงรถ รวมทั้งสามารถตรวจสอบได้และให้ขนถ่ายสินค้าขึ้นรถแล้วกลับเลยทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนท่าข้ามธรรมชาติ ก็มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และให้ อสม.หมู่บ้านเข้ามาร่วมปฏิบัติ รวมทั้งจัดกำลังออกลาดตระเวน ส่วนเรื่องการส่งตัวผู้ป่วยจากประเทศพม่า ก็คงต้องมีอยู่ แต่หากพบมีบุคคลต้องสงสัยก็จะต้องมีการกักตัว
“หลายฝ่ายเสนออยากให้มีการปิดด่านทั้งหมด ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน หากถึงเวลาเราจะหามาตรการรองรับก่อน เช่น ให้มีการขนถ่ายสินค้าตามแนวชายแดนหรือขนถ่ายกันหน้าด่านพรมแดน โดยไม่ให้รถเข้ามาในพื้นที่ชั้นในแต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ได้มีการกำชับมาตรการไปทุกจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศพม่า ให้เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารในประเทศพม่าอย่างใกล้ชิด”
ขณะที่ชายแดนไทย-พม่าด้านจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีเขตติดต่อกับพม่าประมาณ 180 กิโลเมตร นอกจากทางฝ่ายทหารจะมีการเพิ่มกำลังพลออกตรวจตราและตั้งจุดตรวจตามถนนเชื่อมชายแดนโดยเฉพาะจุดผ่อนปรน ช่องทางธรรมชาติ ตลอดแนวภูเขา ลำน้ำสาย และลำน้ำรวก ที่เป็นแนวเขตแดน รวมทั้งเพิ่มไฟส่องสว่างโซลลาร์เซลล์ โดรนตรวจจับในเวลากลางคืน กล่องวงจรปิด ฝ่ายปกครองก็ประสานไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและท้องถิ่น ให้ติดตามบุคคลแปลกปลอมเพื่อร่วมกันสกัดกั้นคนต่างด้าวที่อาจจะหลบหนีเข้ามาอีกด้วย
ด้าน พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง กล่าวว่า หลังจากได้มีการเพิ่มกำลังพลและติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว ประชาชนตามแนวชายแดนก็ช่วยแจ้งข้อมูลข่าวสารให้เจ้าหน้าที่ด้วย ทำให้ที่ผ่านมาสามารถจับกุมชาวต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาได้ประมาณ 300 กว่าราย ซึ่งได้ผลักดันออกนอกประเทศหลังจากนำส่งตำรวจแล้ว
ส่วนคนไทยที่หลบหนีเข้ามาก็มีการส่งดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ และพักดูอาการที่กองร้อย อส.เชียงราย คนที่ขอเดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายก็ส่งเข้าพักที่ศูนย์พักดูอาการที่โรงแรมในเขต อ.เมืองเชียงราย
ขณะที่ นางมนทิรา เชิดชู นายด่านศุลกากรแม่สาย กล่าวว่า ทางศุลกากรมีหน่วยกักดูอาการอยู่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรแม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 ซึ่งใช้เป็นจุดขนส่งสินค้าระหว่างไทย-พม่า ด้วยเช่นกัน ส่วนยานพาหนะที่เดินทางผ่านเข้ามาก็จะได้รับการฆ่าเชื้อทุกคัน คนขับรถขนส่งสินค้าเมื่อส่งเสร็จก็ให้เดินทางกลับ
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์