นอกจากฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับคนไทยแล้ว เชื้อโคโรนาไวรัส ต้นเหตุของโรคปอดอักเสบสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในเมืองอู่ฮัน ของจีน ก็สร้างความวิตกกังวลไม่แพ้กัน เพราะปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมกัน 2,510 คน และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 80 คน (ทั้งหมดอยู่ในจีน) โดยแพร่ไปทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย รวมถึงประเทศไทยก็มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อชนิดนี้ด้วย
ไวรัสโคโรน่าคืออะไร?
ไวรัสโคโรน่า หรือ Coronavirus (CoV) เชื้อไวรัสที่กำลังเป็นที่จับตามองกันทั่วโลกในปี 2020 เกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจร้ายแรง ปอดอักเสบ และทางเดินอาหาร ถือเป็นเชื้อไวรัสที่มีสารพันธุกรรมใหญ่ที่สุดเป็นอาร์เอ็นเอ เป็นไวรัสตระกูลเดียวกับโรคซาร์สที่ระบาดเมื่อปี 2545 แม้ว่าความรุนแรงจะไม่เท่ากับโรคซาร์ส แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังกันอย่างเข้มงวด เนื่องจากยังไม่สามารถหาวัคซีนหรือยาในการรักษาได้ ตอนนี้ทำได้แค่การรักษาตามอาการเท่านั้น
ไวรัสโคโรน่ามีสาเหตุมาจากอะไร?
จากการตรวจสอบของนักวิจัยมีการคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสโคโรน่า น่าจะมาจากการเปิบพิสดารชอบกินของแปลกของคนจีนในเมืองอู่ฮั่น จนทำให้ไวรัสโคโรน่าของค้างคาวและไวรัสโคโรน่าของงูเห่า พัฒนาสายพันธุ์มาเป็นเชื้อไวรัสชนิดนี้และข้ามมาสู่คนได้
อาการเมื่อได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่า
อาการจะเริ่มแสดงออกมาหลังจากได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่า 1-2 สัปดาห์ ด้วยการเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ไข้ขึ้นสูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ไปจนถึงมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
แม้อาการของโรคนี้จะคล้ายกับโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ แต่ก็ยังไม่ทราบอาการที่แน่ชัดของคนที่ได้รับเชื้อ เนื่องจากความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน เช่น อายุ พันธุกรรม ภูมิต้านทาน สุขภาพ และประวัติการฉีดวัคซีน
สำหรับกลุ่มคนที่เสี่ยงจะได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าคือบุคคลที่ได้เดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนภายในระยะเวลา 14 วัน หรือมีประวัติเคยเดินทางไปยังประเทศที่ได้รับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส
การแพร่เชื้อของไวรัสโคโรน่า
การแพร่เชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจส่วนบนสำลักลงไปในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
การนำเชื้อเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนล่างโดยตรง ผ่านการไอ การจาม หรือการหายใจรดกัน ซึ่งเป็นการนำเชื้อที่อยู่ในละอองฝอยขนาดเล็กเข้าสู่ปอดโดยตรง
การแพร่เชื้อผ่านการติดเชื้อในกระแสเลือด
วิธีป้องกันตัวเองจากไวรัสโคโรน่า
แม้โรคนี้จะดูน่ากลัว แต่หากมีสติไม่หวาดระแวง เตรียมพร้อมป้องกันตนเองที่ดี โอกาสที่จะได้รับเชื้อชนิดนี้ก็มีน้อยเช่นกัน โดยการป้องกันมีวิธีดังนี้
- ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศจีนหรือประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออยู่
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดและไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอหรือจาม โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการทานอาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงตลาดที่มีการค้าขายเนื้อสัตว์หรือสิ่งมีชีวิต เพราะการอยู่ใกล้ชิดสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรค
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำเปล่าและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ พยายามไม่นำมือมาสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
- ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า แก้วน้ำ เป็นต้น ที่สำคัญต้องกินร้อน ช้อนกลาง เนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางโรคทางเดินหายใจ
- หลังจากเดินทางกลับมาจากต่างประเทศและพบว่าตนเองมีไข้ขึ้นสูงภายใน 14 วัน มีอาการไอ จาม เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด ใส่หน้ากากป้องกันไว้ทันที และรีบไปพบแพทย์ พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อขั้นรุนแรงขึ้นได้ และถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
มาตรการรับมือไวรัสโคโรน่าของประเทศไทย
สำหรับในประเทศไทย แม้จะเป็นประเทศที่คนจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว แต่ทาง ททท. หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ผนึกกำลังกับกรมควบคุมโลก ตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จัดตั้งจุดคัดกรอกนักท่องเที่ยวชาวจีน ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศใน 5 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ เพื่อป้องกันและตรวจสอบการแพร่ระบาดของโรคนี้มายังประเทศไทย
ด้วยการจัดทีมวินิจฉัยโรค และสามารถทราบผลตรวจได้ภายใน 24 ชั่วโมงขอความร่วมมือกับทางสถานพยาบาลทั่วประเทศให้มีการคัดกรองผู้ที่มีอาการไข้ร่วม หายใจติดขัด เหนื่อยหอบ เจ็บคอ และมีประวัติการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น
สรุป
ปัจจุบันทางมณฆลหูเป่ยของประเทศจีนได้มีประกาศออกมาอย่างเป็นการให้มีการปิดเมืองทั้งหมด 13 เมือง โดยมีประชากรอยู่อาศัยถึง 41 ล้านคน อู่ฮั่นถือเป็นเมืองที่มีประชากรเยอะมากที่สุดราว 11 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีการปิดสถานที่สาธารณะ ยกเลิกการจัดงานตรุษจีนและการประชุมต่างๆ จำกัดการชุมนุมขนาดใหญ่อย่างเข้มงวด ไปจนถึงระบบขนส่งมวลชน และห้ามประชาชนออกนอกเมืองเด็ดขาด
ทางการจีนได้ทำการเร่งสร้างโรงพยาบาลใหม่ขึ้นมาให้เสร็จภายใน 10 วัน เนื่องจากปัจจุบันโรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่นมีเตียงไม่เพียงพอที่จะรับคนไข้แล้ว นอกจากนี้แพทย์จากกองทัพกว่า 40 นายได้ถูกเรียกตัวเพื่อออกมาช่วยที่แผนกผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาลปอดอู่ฮั่นแล้ว แต่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ตัดสินใจประกาศให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
ข้อมูลจาก : ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล