กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในช่วงฝนตก ถนนอาจเปียกลื่น มีน้ำขัง และทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ พร้อมแนะ 7 วิธีขับขี่ให้ปลอดภัย เน้นลดความเร็ว หลีกเลี่ยงการแซง และประเมินสถานการณ์ก่อนขับรถผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขัง
ในวันที่ 23 มิถุนายน 2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนประกอบกับมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ ซึ่งในช่วงฤดูฝนของปีที่ผ่านมา (20 พ.ค. - 16 ต.ค. 62 ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา) พบว่าในช่วงดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 7,314 ราย (คิดเป็นร้อยละ 36.75 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งปี 62) และมีผู้บาดเจ็บ 438,811 ราย (คิดเป็นร้อยละ 39 ของการบาดเจ็บทั้งปี 62) โดยต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลเกือบแสนราย (91,933 ราย) กรมควบคุมโรค จึงขอเตือนประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะให้ระมัดระวังอุบัติเหตุในช่วงฝนตก ซึ่งจะทำให้ถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี รวมถึงฝนที่ตกหนักอาจทำให้พื้นถนนมีน้ำท่วมขังได้
7 วิธีขับขี่ปลอดภัยในช่วงฝนตกและน้ำท่วมขัง
1.เปิดไฟหน้ารถเสมอ โดยเปิดไฟต่ำ เพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถของเราได้จากระยะไกล
2.เปิดใบปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณของฝนที่ตกลงมา
3.ลดความเร็ว ใช้ความเร็วที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ
4.ให้ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น
5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นควรประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อนแซง
6.รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
7.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร.1669
นอกจากนี้ ในช่วงที่มีฝนตกอาจเกิดฟ้าผ่าได้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง โดยการหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้ง ควรหลบในตัวอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า ไม่ควรใช้โทรศัพท์ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เป็นต้น และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข้อมูลจาก : กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค