พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. และได้เห็นชอบเรื่องสำคัญหลายเรื่อง ทั้งหมดจะเร่งให้เข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาและสรุปรายละเอียดอีกครั้ง
โดยเป็นเรื่อง การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ, มาตรการส่งเสริมการจ้างงานสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 260,000 อัตรา และเห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยทั่วไปโดยรัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่ายให้ประชาชน 15 ล้านคน และกลุ่มร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการโดยมุ่งเน้นไปที่ร้านค้ารายย่อย หาบเร่ แผงลอย 80,000 แห่ง ผ่านกลไกกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายดนุชา พิชยนันท์ รองเลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ศบศ. เห็นชอบ โครงการชื่อว่า “คนละครึ่ง” ลักษณะคล้ายชิมช้อปใช้ โดยจะใช้เงิน 45,000 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.กู้เงิน
หลักเกณฑ์ของผู้ที่จะได้รับสิทธิ์
- มีสัญชาติไทย
- อายุ 18 ปีขึ้นไป
โดยจำกัดไว้ที่ 15 ล้านคน สมัครเข้าร่วมโครงการแบบใครมาก่อนได้ก่อน รัฐจะให้เงินคนละไม่เกิน 3,000 บาท ให้ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังของธนาคารกรุงไทย
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
- ร้านค้าทั่วไป
- หาบเร่
- แผงลอย ที่เป็นรายย่อย
เงื่อนไขการใช้จ่าย
- ใช้ได้ไม่เกินวันละ 100-250 บาท โดยรัฐจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง
- ครอบคลุมอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้า ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และบุหรี่
- มีระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค. - ธ.ค. 2563
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 90,000 ล้านบาท กระตุ้นผลิตเศรษฐกิจได้ 0.25% ซึ่งกระทรวงการคลังจะไปจัดทำรายละเอียดเสนอ ศบศ.ครั้งหน้า เพื่อให้เริ่มโครงการได้ภายในเดือน ต.ค.นี้
ข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์