“มนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร” การให้ความสำคัญกับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งจนมากเกินไป อาจก่อให้เกิดความเครียดขึ้นได้ บางคนอาจเป็นคนที่ทำงานอย่างหนัก ทำให้เกิดความเครียด กดดัน พักผ่อนไม่พอ สุขภาพเสื่อมโทรม หรือบางคนที่เอาแต่เที่ยวเล่นมากเกินไป ก็อาจทำให้ไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไม่มีเงิน ไม่มีความมั่นคง ก็ทำให้เกิดความเครียดได้เช่นกัน
หากคุณกำลังรู้สึกว่าคุณกำลังต้องการด้านใดด้านหนึ่งอยู่ อาจหมายความว่าชีวิตของคุณขาด “Work-Life Balance” อยู่ก็ได้ เราสามารถให้ความสำคัญกับทุกอย่างได้ เพียงแค่รู้จักการบริหารเวลาให้เกิดความสมดุลในชีวิตด้วย Work-Life Balance หรือการใช้ชีวิตให้สมดุลกันทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิต
- หากิจกรรมผ่อนคลายทำยามว่าง
เมื่อว่างจากการทำงาน หลายคนอาจคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรดี นอกจากกินและนอน ลองหากิจกรรมที่ตัวเองชอบทำดู บางคนอาจจะไปออกกำลังกายหลังทำงาน เรียนภาษาที่สามเป็นความรู้เพิ่มเติม เดินเล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือมีกิจกรรมที่แปลกใหม่กว่านั้น ช่วงทำให้ชีวิตคุณดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น
- ไม่จำเป็นต้องรับงานทำคนเดียว
‘โรคปฏิเสธคนไม่เป็น’ เชื่อว่ามีใครหลายคนในที่ทำงานเข้าใจความรู้สึกนี่ แม้ว่างานที่ทำอยู่จะเยอะมากมายแค่ไหน แต่ปากกลับตอบตกลงช่วยงานผู้อื่นไปอย่างอัตโนมัติ บางทีเราอาจจะต้องแก้ไขปัญหานี้ เพื่อไม่ให้ลำบากตัวเอง รวมถึงการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นในเรื่องที่คุณไม่สามารถทำได้จริงๆ ก็จะช่วยให้คุณลดความกดดันจากงานได้ บางครั้งคุณต้องเลิกที่จะเก็บเอางานและปัญหาทุกอย่างไว้กับตัวเอง การเปิดเผยมันออกไปโดยการพูดคุยกับใครสักคน เช่น หัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานอาจทำให้คุณแก้ปัญหาที่คิดไม่ตกมานานได้ง่ายขึ้น
- ออกกำลังกายวันละนิดให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
เชื่อว่ามีหลายคนที่ไปออกกำลังกายหลังเลิกงานเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้หลอดเลือดทั่วร่างกายขยายตัวเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่ายกายอย่างเต็มที่ ระบบไหลเวียนโลหิตมีการสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะสมอง ทำให้สมองตื่นตัว รู้สึกปลอดโปร่ง กระตือรือร้น สดชื่น
การออกกำลังกายแบบปานกลางหรือ Moderate Exercise ไม่ทำให้ร่างกายเกิดความเครียดจนเกินไป ตลอดจนทำให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระในระดับที่ร่างกายยังสามารถจัดการได้ ในขณะที่ออกกำลังกาย ผู้ออกกำลังกายจะจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้สมองหยุดคิดเรื่องเครียดได้ และยังทำให้เรานอนหลับง่ายขึ้น ร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
- ตัดขาดจากโลกในวันหยุดบ้าง
ในวันทำงาน คุณจะต้องติดตามกับโลกภายนอกอยู่แทบ 24 ชั่วโมง ยิ่งเรามีสิ่งที่เรียกว่าสมาร์ทโฟนแล้ว ยิ่งทำให้เราติดต่อกันง่ายมากยิ่งขึ้น การเจอผู้คนก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามากเกินไปจนทำให้เราไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง อีกทั้งคนติดต่อด้วยยังเป็น Toxic ของชีวิต คงจะดีกว่าถ้าคุณตัดขาดจากโลกภายนอกในช่วงวันหยุด เพื่อที่จะได้ใช้วันและเวลาส่วนตัวของคุณได้อย่างเต็มที่ อยากทำอะไรก็ได้ทำ ไม่ต้องสนใจหรือใส่ใจอย่างอื่นมากเกินไป
- พูดคุยกับคนที่รู้สึกสบายใจ
โลกนี้มีคนหลากหลายประเภทที่อยู่ร่วมกัน เราไม่สามารถเลือกพบเจอได้ว่าคนแบบไหนที่เราไม่อยากเจอและไม่อยากเจอ โดยเฉพาะในเวลางาน มีคนหลายแบบที่เราอาจไม่ชอบ แต่เราก็ปฏิเสธที่จะไม่ทำงานด้วยไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ตาม ก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ต้องทำงานร่วมกัน ดังนั้น นอกจากเรื่องงานแล้วเลือกคบหรือคุยแค่เฉพาะกับคนที่เราสบายใจดูสิ ถือเป็นการผ่อนคลายด้วย เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปอยู่ในสิ่งที่เราไม่ชอบตลอดเวลา
- ทบทวนว่าอะไรที่จำเป็นและไม่จำเป็น
เคยลองมานั่งทบทวนตัวเองดูไหมว่ามีอะไรที่เราจำเป็นจะต้องทำหรือไม่จำเป็นต้องทำบ้าง ที่จริงคนเราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างที่คนอื่นบอก ดูก่อนว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั่นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราไม่ทำจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ยิ่งสิ่งที่เราทำแล้วไม่มีความคิด ยิ่งต้องทบทวนให้ดีเลยว่าเราต้องทนทำต่อไปหรือมีอะไรที่สามารถทดแทนได้บ้าง
- เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงาน
แม้ว่าจะเรียนจบไปแล้วและกำลังทำงานอยู่ เราก็สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องงานได้เช่นกัน บางคนก็ลงครอสเรียนพิเศษเรื่องที่ตนเองสนใจ บางคนก็ออกไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการ ถึงจะมีคนบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะสิ่งเหล่านั้นจะช่วยเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ให้กับคุณ
- กำหนดตารางชีวิตประจำวัน
หลายๆ คนอาจคิดว่าบางกิจกรรมสามารถเอาไว้ทำทีหลังก็ได้อยู่บ่อยครั้ง แต่บางทีการคิดแบบนั้นอยู่บ่อยๆ ก็อาจส่งผลเสียต่อคุณก็ได้ เพราะมันจะทำให้ชีวิตของคุณไม่เกิดความสมดุล อย่ากลัวที่จะถูกมองว่าไม่ทุ่มเทให้กับงาน เพราะทุกคนต่างต้องมีชีวิตส่วนตัวกันทั้งนั้น หากเราไม่ได้เบียดบังเวลางาน เราก็ไม่ควรให้งานมาเบียดบังเวลาส่วนตัวของเราเช่นกัน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด บางคนต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน กว่าจะเลิกงาน ทำงานเสร็จแต่ละวันก็ค่ำแล้ว กลับบ้านมาก็ยังมีงานบ้าน งานจุกจิกเยอะแยะมากมายให้ต้องทำอีก นั่นก็เพราะว่าคุณกำลังขาดความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงานของคุณกำลังเบียดเบียนชีวิตส่วนตัวของคุณอยู่ ดังนั้น ควรทำการจัดตารางเวลาให้ดีๆ เพื่อความสุขของตัวคุณเอง
สรุป
ในหนึ่งวันมีเวลาให้เราทั้งหมดเพียง 24 ชั่วโมง ทุกๆ วินาทีที่เราใช้ไปล้วนสำคัญ ดังนั้น เราจึงควรตัดสินใจสิ่งที่สำคัญเหล่านี้ให้ดี ถึงแม้ว่ามันจะมีสาระหรือไม่มีสาระก็ตาม ลองหันกลับมามองดูตัวเองว่า เราจัดสมดุลระหว่างชีวิตการทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวได้ดีมากแค่ไหน และที่สำคัญ เรามีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่แล้วหรือยัง
บทความแนะนำ