ตอนนี้หลายๆ บริษัทเริ่มออกมาตรการในการ work from home แล้ว เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้พนักงานต้องออกไปเสี่ยงกับการติดโควิด-19 ข้างนอกบ้าน การทำงานที่บ้านจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

นอกจากนี้การ work from home ยังช่วยประหยัดทั้งเวลาในการเดินทางและสะดวกอีกด้วย แต่ปัญหาในการทำงานที่บ้านก็คือค่าไฟที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างน่ากลัว ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน อากาศก็ยิ่งร้อนมากกว่าเดิม เปิดพัดลมก็ไม่เย็นสะใจ จะเปิดแอร์ก็กลัวค่าไฟแตะครึ่งหมื่น

ในเศรษฐกิจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้แบบนี้ การประหยัดเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้ายังไง เราลองมาดูวิธีในการคลายร้อนกันดีกว่าว่า นอกจากการเปิดพัดลมและเปิดแอร์แล้ว ทำอย่างไรถึงจะบรรเทาความร้อนลงได้บ้าง

วิธีคลายร้อน

  1. ตื่นเช้ามา อาบน้ำก่อนเลยเป็นอย่างแรก

เชื่อว่าหลายคนที่กำลัง work from home ในตอนนี้ พอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ตั้งหน้าตั้งตาเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อทำงานกันเลย โดยที่ไม่สนใจที่จะอาบน้ำก่อน คราวนี้เราลองมาอาบน้ำก่อนทำงานกันดีกว่าไหม เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกตื่นตัวในตอนเช้าแล้ว ยังไม่ทำให้รู้สึกรำคาญเวลาเหนียวตัวอีกด้วย

ทริค :  เท้าเป็นจุดศูนย์รวมเส้นประสาทในร่างกายและการแช่เท้าช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายเราอีกด้วย

  1. แต่งตัวตามสบาย ไม่มีใครมอง

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็ถึงเวลาในการเลือกเสื้อผ้าในการแต่งตัวแล้ว ปกติเวลาเราไปทำงานที่ออฟฟิศก็จะแต่งตัวดีในระดับหนึ่ง เพราะต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย ทำให้ต้องแต่งตัวดูดีไว้ก่อน แต่เมื่อเราอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปเจอใคร การแต่งตัวก็จะสบายมากขึ้นกว่าเดิม เน้นการแต่งตัวที่ใส่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด หลีกเลี่ยงเสื้อที่รัดตัวจนเกินไป

  1. ทำงานที่ระบายอากาศได้ดี

สำหรับใครที่ทำงานอยู่ที่ห้อง ปกติก็รู้สึกว่าห้องแคบอยู่แล้ว เป็นเพียงพื้นที่ส่วนหนึ่งในการอาศัย เรามาลองเปิดหน้าต่างระบายอากาศ หาช่องทางให้มีแสงสว่างเข้าจากข้างนอกบ้างดีไหม ช่วยให้รู้สึกไม่อึดอัดจนมากเกินไป บางคนอาจจะชอบปิดม่าน เปิดไฟอยู่ในห้องมืดๆ อาจทำให้รู้สึกห้องมีความอับและอึดอัดได้ โดยเฉพาะช่วง lockdown ที่ไม่สามารถออกไปไหนได้อยู่แล้ว ห้องที่ปิดช่องทางไปหมดอาจทำให้รู้สึกอึดอัด

ทริค : เบื่อทำงานบนโต๊ะก็ลองมาทำงานบนพื้นบ้าง โดยเฉพาะพื้นกระเบื้อง เพราะพื้นกระเบื้องจะมีความเย็นในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

  1. เครื่องดื่มเย็นๆ เพิ่มความสดชื่น

ในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ เราควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายต้องเกิดภาวะร่างกายขาดน้ำหรือร่างกายขาดสมดุล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นเท่านั้น เอาตามที่เราสะดวกเลย แต่ใครที่รู้สึกว่าร้อนๆ แบบนี้ต้องดื่มน้ำเย็นเท่านั้น ก็ลองหาเมนูเครื่องดื่มเย็นมา แต่ส่วนมากเครื่องดื่มเย็นจะมีน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง ไม่ควรดื่มมาก หรือใครที่กลัวอ้วนก็ลองหาเป็นเมนูน้ำผลไม้แบบ100% หรือเมนูน้ำหวานแคลอรี่ต่ำดู

  1. แป้งเย็นที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน

หลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักกับแป้งเย็นที่เรามีใช้กันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มที่ดับร้อนได้ดีมาก เพราะเมื่อทาไป เราจะสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากตัวแป้ง โดยเฉพาะถ้ายิ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วทาแป้งเย็นลงไป จะยิ่งให้ความฟินมากกว่าเดิม แต่ไม่ควรนำไปทาที่หน้าหรือบริเวณที่ผิวค่อนข้างบอบบาง เพราะอาจทำให้แสบหรือระคายเคืองได้

  1. แค่เปิดพัดลมให้ถูกวิธีก็ดีกว่าเดิม

บางทีเราอาจจะละเลยกับเรื่องอะไรที่เล็กน้อยอย่างการเปิดพัดลมไป บางคนอาจจะเคยบ่นว่าเปิดพัดลมไปก็ร้อนอยู่ดี เพราะลมที่พัดออกมามีแต่ลมร้อน เราลองมาเปลี่ยนทิศทางในการเปิดพัดลมกันใหม่โดยการวางพัดลมใกล้หน้าต่างหรือช่องระบายอากาศ โดยหันด้านมอเตอร์พัดลมไปทางหน้าต่าง ซึ่งจะช่วยให้ลมร้อนที่พัดลมสร้างขึ้นมาถูกระบายออกไปด้านนอก ในขณะเดียวกันก็จะช่วยเพิ่มอากาศสบายๆ จากด้านนอกเข้ามาหมุนเวียนด้านในมากยิ่งขึ้น

ทริค : ลองเทน้ำแข็งใส่กะละมัง แล้วนำมาวางหน้าพัดลม เพื่อให้ลมพัดไอเย็นจากน้ำแข็งมาปะทะที่ตัวเรา

  1. ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ตลอดเวลาก็ได้

ในกรณีที่อากาศร้อนจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็สามารถเปิดแอร์ แต่แนะนำให้เปิดแอร์ประมาณ 27 – 29 องศา แล้วเปิดพัดลมแบบส่ายไปด้วย จะช่วยให้อากาศเย็นขึ้นยังประหยัดไฟได้มากกว่าเดิม โดยจะเปิดแอร์ไปจนกว่าห้องจะเย็นสบายขึ้น ประมาณ30นาทีหรือ1ชั่วโมง แล้วจึงค่อยปิดแอร์ เปิดแต่พัดลม

  1. อย่าอยู่แต่ในห้อง ออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกบ้าง

การอุดอู้อยู่แต่ในห้องที่ไม่มีการระบายอากาศ นอกจากจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดแล้ว ยังทำให้อุณหภูมิภายในห้องของเราสูงขึ้นอีกด้วย ควรออกไปเดินข้างนอกหรือออกไปพักสายตาที่ระเบียงในช่วงพักเบรกบ้าง ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นที่ได้ออกมาข้างนอกอีกด้วย

 

สรุป

พนักงานออฟฟิศหลายคนอาจกำลังรู้สึกชอบการ work from home อยู่ เนื่องจากประหยัดทั้งเวลาและประหยัดทั้งค่าเดินทาง ไม่ต้องไปเจอกับมลภาวะที่ไม่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตข้างนอกอีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันเราอาจจะต้องทนอึดอัดอยู่แต่ในห้องและยังต้องเสียค่าไฟฟ้าที่แพงมากอีกด้วย ดังนั้น เราจึงควรที่จะประหยัดไฟด้วยตัวเราเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายภายใน โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจที่เสี่ยงตกงานแบบนี้ อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน เราควรเก็บเงินในส่วนที่จำเป็นไว้ก่อน เพื่อใช้ในอนาคต

 

บทความแนะนำ

Author Image

Sunny

Happy Work Happy Life