ในตอนที่คุณเป็นนักศึกษาอยู่ อาจจะคิดว่าการทำงานในชีวิตจริงคงเหมือนกับการทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยก็ได้ คุณรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี แม้กระทั่งครูบาอาจารย์ในคณะต่างๆ ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่เมื่อต้องมาทำงานในชีวิต คุณจะได้พบกับปัญหาที่หนักกว่านั้น ซึ่งบางทีคุณก็คาดไม่ถึง วันนี้เราได้รวบรวมเอา 5 สิ่งที่เด็กจบใหม่ไม่รู้เกี่ยวกับการทำงานมาให้ทุกท่านที่เพิ่งเรียนจบมาได้ลองศึกษาดูกัน
1.เปิดใจรับ พร้อมเข้าสังคมใหม่
เมื่อเราเริ่มเข้ามาทำงาน คนที่เรารู้จักจะกว้างกว่าตอนอยู่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย มีคนหลากหลายประเภทกันออกไป มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป พยายามทำตัวให้เฟรนลี่และเปิดรับอะไรใหม่ๆ เข้ามา เพื่อศึกษาดูว่าเราโอเคกับมันไหม ต้องทำตัวอย่างไรจึงจะอยู่รอด แน่นอนว่าเราไม่ได้ชอบมันทั้งหมดหรอก แต่ในบางครั้ง เราก็จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อความอยู่รอด
ยังจำสมัยเรียนกันได้ไหมคะ? ช่วงที่เข้าไปเรียนใหม่ๆ เราไม่รู้จักใครเลย ต่างคนต่างมาจากคนละที่คนละทาง ได้รับการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันออกไป ลองทำเหมือนกับตอนนั้น ตอนที่เรากำลังหาเพื่อนใหม่ สานความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ไปทานข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน เพื่อทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น
2.การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
แม้ว่าในตอนที่เราเรียนจะเสียเงินไปอย่างมากมายกับการเรียน คิดว่าเรียนรู้ทุกอย่างไว้แล้ว พร้อมที่จะทำงานเต็มที่ ไม่มีพลาด แต่แท้จริงแล้ว การเรียนรู้ไม่เคยสิ้นสุดแค่ในตำราเรียน มันยังคงมีเรื่องใหม่ๆ ให้เราเรียนรู้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเข้าสังคมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงานหรือวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งต้องใช้การเรียนรู้ทั้งใหม่หมด คุณอาจถามจากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าของคุณ รวมถึงวัฒนธรรมภายในองค์กร แน่นอนว่าแม้แต่คู่มือพนักงานก็ไม่ได้มีบอกทั้งหมดเช่นกัน
3.อย่าอายหรือกลัวที่จะถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจ
การที่คุณเป็นเด็กจบใหม่ ก็แปลว่าคุณยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานที่เพียงพอ คุณอาจจะอยากให้คนอื่นมองว่าแม้ว่าคุณจะเป็นเด็กจบใหม่ แต่คุณก็สามารถทำงานได้ดีเช่นกัน แต่ในบางครั้งบางกรณีที่มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับคุณจริงๆ ถึงพี่จะอธิบายเนื้องานแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่คุณไม่เข้าใจ อย่ากลัวหรืออายที่จะถามออกไปตรงๆ สำหรับพี่ๆ ที่ผ่านการทำงานมาแล้ว อาจจะเข้าใจเนื้องานเป็นส่วนใหญ่ได้แล้วเรียบร้อยแล้ว ต่างจากคุณที่เพิ่งเข้ามาทำงาน ไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างได้ ดังนั้นจึงควรถามออกไปตรงๆ เพื่อไม่ให้งานที่ออกมาผิดพลาดและโดนว่ากล่าวมากกว่าเดิม
4.บางสิ่งบางอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่เราคิด
สำหรับบางคนที่มักจะวางแผนในการใช้ชีวิตเสมอ บางทีทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่คุณวางไว้เสมอ บางทีเราต้องไปทำงานตอน 9 โมงเช้า เลิกงาน 6 โมงเย็น แต่ถ้าวันนั้นงานยุ่ง งานเยอะ งานเร่ง อาจกลายเป็นว่าเราต้องเป็นคนทำงานล่วงเวลาต่อจนดึกดื่นก็ได้ วันหยุดที่คุณคิดว่าคุณจะหยุดไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนร่างกายก็กลับกลายเป็นวันทำงานปกติไปซ่ะงั้น หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราทำงานอยู่ เมื่อพี่บรีฟงานเรียบร้อย คุณคิดว่าคุณเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดแล้ว และได้ทำงานออกมาสำเร็จแล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงานและคุณต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดเลยก็มี
5.ทำตัวให้เป็นมืออาชีพที่สุดเท่าที่จะทำได้
เด็กจบใหม่หลายคนมักจะมีปัญหาในการสื่อสารภายในองค์กร เพราะไม่เข้าใจว่าต้องสื่อสารยังไงให้ดูดี ดูสุภาพ และมีมารยาท ทำให้อาจทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนร่วมงานต่างรุ่นเอาได้ ดังนั้นคุณจึงควรเรียนรู้วัฒนธรรมการสื่อสารในองค์ให้ชัดเจน บางกลุ่มอาจสื่อสารด้วยความเป็นกันเองได้ แต่บางกลุ่มอาจต้องคุยแบบเป็นทางการมากกว่า อย่ากลัวที่จะต้องแสดงความเป็นตัวของตัวเอง เพียงแต่คุณต้องรู้จักสภาพแวดล้อมของคนที่คุณจะสื่อสารด้วยเท่านั้น
สรุป
แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่เด็กจบใหม่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมหลายอย่าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแน่นอน เพียงแค่เรารู้จักปรับตัวให้เข้ากับองค์กรและไม่ปิดโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ภายในองค์กรแล้วล่ะก็ ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดีแน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณต้องมี “สติ” อยู่กับตัวเองตลอดเวลา พยายามแสดงความมืออาชีพให้คนที่ทำงานได้เห็น เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจในการทำงานด้วย
บทความแนะนำ