ชีวิตทำงานทุกวันนี้ ที่ว่าเครียดอยู่แล้ว พอเจอ COVID-19 เข้าไป เครียดยิ่งกว่าเดิมอีก งานนี้เลยต้องหา วิธีจัดการความเครียด จากการทำงาน เพื่อไม่ให้สมองแตกต่างไปเสียก่อน ใครว่าความเครียดส่งผลแค่กับสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ความเครียดยังส่งผลถึงสุขภาพร่างกายด้วย หากจิตใจของเราหดหู่ ไม่ต้องการทำอะไร ร่างกายภายในของเราก็จะป่วย เพราะระบบทุกอย่างในร่างกายรวนไปหมด ใครอยากได้วิธีจัดการความเครียดดีๆ ให้มาอ่านบทความนี้ของ JobsChiangrai ได้เลย
5 วิธีจัดการความเครียดจากการทำงาน
ลาพักร้อน
หนึ่งในวิธีแรกๆ ที่ทุกคนคิดออก นั่นก็คือ การลาพักร้อน ออกไปพักผ่อนหย่อนใจ มองอะไรที่มากกว่าคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน ให้สมองได้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องงาน นับว่า เป็นวิธีที่คนนิยมทำกันมากที่สุดและค่อนข้างได้ผลดีเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้ว มักจะได้ผลในระยะสั้น ที่ทำให้เรารู้สึกหายเหนื่อยไปในช่วงหนึ่ง แต่หากกลับไปแล้ว สภาพแวดล้อมในการทำงานยังแย่เหมือนเดิม กลับไปเจออะไรที่บั่นทอนจิตใจ ก็ไม่ช่วยให้การลาพักร้อนครั้งนี้ ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรอก
ออกกำลังกาย
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหากิจกรรมทำในเวลาหลังเลิกงาน การออกกำลังกาย เป็นอีกวิธีที่แอดมินแนะนำมากๆ เพราะนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงกลับมาแล้ว การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะพอควร ยังช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายไปในตัว ยิ่งบางคนที่ไปฟิตเนสหรือไปวิ่งตามสวนสาธารณะ อาจได้เพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ กลับมาด้วย เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ ที่ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงจริงๆ ใครที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย ก็ควรทำไปทีละสเต็ป อย่าเผลอหักโหมหนัก จนทำให้ล้มป่วยเอาได้
จัดการตารางชีวิต
ทุกคนน่าจะรู้จักกับคำว่า Work-Life Balance เป็นการสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตของเรา บางคนต้องทำงานในบริษัทที่งานหนักมาก แม้ว่าจะได้เงินเดือนมากกว่าบริษัทอื่น 2 – 3 เท่า แต่ก็ไม่คุ้มกับค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เราทำงานหนัก แทบไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง จะตื่นหรือนอน ก็นึกถึงแต่เรื่องงาน ทำให้ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อนจริงๆ พอล้มป่วยไป ก็ต้องไปเสียเงินค่ารักพยาบาลให้กับทางโรงพยาบาลอีก ถึงจะมีเงินเยอะมากมาย แต่ในชีวิตจริง แทบจะไม่ได้ซื้อสิ่งที่สร้างความสุขให้กับตัวเองเลย
อยู่ให้ห่างจาก Toxic relationship
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือ ความสัมพันธ์เชิงลบ เป็นความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างไม่ได้ให้กำลังใจกัน ให้แต่ความรู้สึกแย่ๆ ต่อกัน ยิ่งอยู่กันไปนานๆ ก็ยิ่งทำให้ขาดความเป็นตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรักหรือเรื่องงานก็ตาม ถ้าเรารู้สึกว่า การอยู่กับคนๆ หนึ่ง หรือ การพูดคุยกับใครก็ตาม ที่ทำให้เรารู้สึกแย่อยู่ตลอดเวลา เราควรออกมาจากความสัมพันธ์นั้นๆ อยู่ให้ห่างจากคนแบบนั้นเอาไว้จะดีที่สุด เมื่อออกมาจากคนแบบนั้นได้แล้ว เราก็จะรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการปลดปล่อยมากยิ่งขึ้น
ปรึกษาคนสนิท
ทุกคนย่อมมีคนที่เราสามารถพูดคุยได้อย่างสบายใจอยู่แล้ว หากเกิดปัญหาอะไร คิดไม่ออก ลองปรึกษาคนที่เราสนิทดู เพราะเขาน่าจะเป็นคนที่รู้จักเรามากที่สุด และสามารถให้คำตอบที่ตรงกับตัวเรามากกว่าคนอื่น โดยคนสนิทนั้น อาจจะเป็นพ่อแม่ แฟน หรือ เพื่อน ก็ได้ เป็นคนที่เราสามารถเล่าความลับให้ฟังได้อย่างสบายใจว่า เขาจะไม่เอาไปบอกคนอื่น หรือ คนที่รับฟังผู้อื่น โดยปราศจากอคติและสามารถรับฟังเราได้ จงรักษาคนแบบนี้ไว้ดีๆ เพราะจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของเรา
สรุป
สำหรับ วิธีจัดการความเครียด ข้างต้นนั้น สามารถใช้ได้กับคนทุกประเภท เพราะไม่ว่าใคร ก็ต้องการอยู่ห่างจากความเครียดทั้งนั้น แต่ในแง่ของกระบวนการในการทำสิ่งต่างๆ อาจจะแตกต่างกันไป แล้วแต่คน แต่ได้ผลอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ความเครียดในการทำงาน สามารถแบ่งออกได้ 2 อย่าง ก็คือ เครียดงาน กับ เครียดจากคน เราต้องดูว่า เราเครียดจากอะไรก่อน แล้วค่อยแก้ไปสถานการณ์ แต่ในบางครั้ง หากมันแก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆ ยิ่งอยู่ ร่างกายก็ยิ่งทรุดโทรมไปเรื่อยๆ ก็อาจเหลือทางเลือกเดียว นั่นก็คือ การลาออก นั่นเอง