สำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ แล้ว การตื่นเช้าแต่งตัวไปทำงานไม่ใช่แค่การอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปเท่านั้นน่ะสิ แต่ยังต้องแต่งหน้าให้ดูดีอยู่เสมอด้วย เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในขณะทำงาน เสริมบุคลิกภาพให้กับเราด้วย โดยเฉพาะในสายอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนมากมายอยู่ตลอด การแต่งหน้าจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของมารยาททางสังคมไปด้วย แต่จะให้ตื่นมาแต่งหน้าเป็นชั่วโมงก็คงไม่ไหว วันนี้เราจะมาบอกวิธีการแต่งหน้าแบบง่ายๆ สบายๆ เพียงแค่ 10 นาที แต่ได้ลุคที่มั่นใจไม่แพ้การแต่งหน้าเป็นชั่วโมงเช่นกัน

Step 1: บำรุงผิวหน้า

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแต่งหน้าก็คือ ‘การบำรุงผิวหน้า’ หากผิวหน้าเราดีจะมีส่วนช่วยทำให้เมคอัพติดใบหน้าเราแบบทนนาน หลังจากการแต่งหน้าก็ควรล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งและบำรุงผิวต่อ ทั้งตอนก่อนเมคอัพและหลังเมคอัพ โดยแต่ละคนก็จะมีผิวหน้าที่แตกต่างกันออกมาไป

  • ผิวธรรมดา

ผิวธรรมดาเป็นผิวที่มีความสมดุลที่สุด ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะสามารถเลือกใช้ครีมบำรุงผิวได้หลายประเภทและทาพร้อมกันได้หลายตัว ควรเน้นครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เป็นหลัก

  • ผิวแห้ง

ปัญหาหลักๆ ของคนผิวแห้งคือผิวขาดความชุ่มชื้นและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ควรเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอี หรือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติเพื่อให้ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน และยังช่วยให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้น

  • ผิวมัน

ผิวมันก็ต้องการบำรุงไม่แพ้ผิวประเภทอื่น แต่ควรเลือกครีมที่มีเนื้อบางเบา เช่น เซรั่ม หรือโลชั่นที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่อุดตันรูขุมขน เพราะผิวมันมีโอกาสเป็นสิวง่ายกว่าผิวแบบอื่น

  • ผิวแพ้ง่าย

ผิวอ่อนแอ ระคายเคืองง่ายจากสารเคมีหรือสภาพอากาศ ให้เลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและอ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมของสารกันเสีย น้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ จะปลอดภัยกับผิวที่สุด

Step 2: ลงรองพื้น ปกปิดผิวให้เรียบเนียน

เมื่อเราทำการบำรุงผิวหน้าเราเสร็จแล้ว ก่อนที่เราจะลงรองพื้นให้ใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าในการทาลง เพื่อป้องกันผิวหน้าของเราจากแสงยูวีจากแสงแดด ใครที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ ให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 – 50 ก็เพียงพอแล้ว ส่วนใครที่ต้องทำงานนอกสถานที่ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และมีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อได้ดี แล้วทาซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด นอกจากนี้ สำหรับคนที่มีรอยสิว รอยแดง ให้ปกปิดด้วยคอนซีลเลอร์ จากนั้นทาแป้งฝุ่นหรือแป้งอัดแข็งให้ทั่วใบหน้า

Step 3: เพราะคิ้วคือมงกุฎของหน้าตา

ประโยคที่ว่า “คิ้วคือมงกุฎของหน้า” ถือว่าเป็นเรื่องจริง บางคนก็โชคดีมีคิ้วไป ส่วนบางคนที่ไม่ค่อยมีคิ้วก็ต้องเติมความเข้มให้กับคิ้วตัวเองให้เห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้นด้วยการเขียนคิ้ว จะช่วยในการเสริมให้เห็นโครงหน้าชัดเจนกว่าเดิมและแต่งหน้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนใครที่มีคิ้วอยู่แล้วก็อย่าชะล่าใจไป เพราะว่าหากคิ้วหนาเกินไป ก็จะทำให้ตัดแต่งออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ควรกันคิ้วให้เหลืออยู่แบบพอประมาณ

ควรเลือกใช้ดินสอเขียนคิ้วหรือใช้สีฝุ่นที่มีสีที่อ่อนกว่าสีผม 1 เฉด จะทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้น จากนั้นเบลนด์สีช่วงหัวคิ้วให้ฟุ้งๆ ลงน้ำหนักให้เบามือ เน้นเขียนสีที่หางคิ้วเข้มกว่าหัวคิ้ว สำหรับคนคิ้วบางอาจปัดทับด้วยมาสคาร่าสำหรับคิ้วโดยเฉพาะ เพิ่มความคมชัดให้ทรงคิ้ว

Step 4: แต่งตาให้ดูมีเสน่ห์

เวลาที่เราคุยงานหรือต้องสื่อสารกับใครซักคน ตาเป็นหน้าตาสำคัญของหัวใจ เมื่อเขามองมาจะต้องรู้ว่าดวงตาคู่นี้มีเสน่ห์ และที่สำคัญ ‘ตา’ ยังเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่แต่งยากมากที่สุด เพื่อให้ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า ควรใช้อายแชโดว์เพียง 2 สีเท่านั้น โดยจับคู่โทนสีเดียวกัน เช่น น้ำตาลเข้มคู่กับสีน้ำตาลอ่อนหรือจับคู่สีด้านกับสีชิมเมอร์ เป็นประกาย แล้วทาสีเข้มที่บริเวณหางตาบนและใต้ตาล่าง  สีอ่อนทาบริเวณหัวตาไปจนถึงกึ่งกลางเปลือกตา ใช้แปรงเบลนด์ให้ทั้ง 2 สีเข้ากัน จากนั้นกรีดตาด้วยอายไลนเนอร์ให้คมสวย ดัดขนตาและปัดมาสคาร่า

Step 5: เติมสีสันให้กับแก้ม

การปัดบลัชออนที่พวงแก้มช่วยเพิ่มสีสันและสร้างมิติให้ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบลัชออนเนื้อฝุ่นหรือครีมก็ได้ ถ้าจะให้เร็วที่สุด ก็สามารถใช้ลิปสติกของเราแทนตัวบลัชออนไปได้เลย แต้มสีบนพวงแก้มแล้วใช้มือเกลี่ยเบาๆ อย่าเผลอปัดหนัก เพราะจะทำให้ดูแต่งหน้าจัดจนเกินไป ไม่เหมาะสำหรับการแต่งหน้าไปทำงาน ดังนั้นเราควรเลือกสีบลัชออนให้เข้ากับสีผิวด้วย

  • ผิวขาว ได้เปรียบที่สามารถปัดบลัชออนได้หลายโทนสี ทั้งสีชมพูอ่อน ชมพูกุหลาบ สีโครอล ส้มอมชมพู หรือสีพีช
  • ผิวเหลือง เลือกโทนสีชมพูเข้ม สีชมพูกุหลาบ หรือสีพีชอมส้ม
  • ผิวคล้ำ เลือกโทนสีชมพูอมน้ำตาล หรือสีส้มอิฐ

Step 6: เติมความสดใสให้กับริมฝีปาก

หลังจากแต่งหน้าแต่งตัวเป็นที่เรียบร้อย สเต็ปสุดท้ายก็คือการหยิบลิปสติกแท่งโปรดของคุณมาทาลงบนสีปากเพิ่มความมั่นใจ ซึ่งเฉดสีของลิปสติกควรที่จะเข้ากันกับอายแชโดว์และบลัชออนด้วย ก่อนทาลิปสติกต้องบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นด้วยลิปบาล์ม จากนั้นทาลิปสติกสีที่ชอบได้เลย

ถ้าอยากให้สีลิปสติกติดทนมากขึ้น ให้ทาแป้งฝุ่นลงบนริมฝีปากเบาๆ จากนั้นค่อยทาลิปสติกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ทาทับด้วยลิปกลอสอีกที เพื่อให้ปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ

 

สรุป

เป็นยังไงกันบ้างคะสาวๆ กับการแต่งหน้าแบบรวบรัดฉับไวง่ายๆ ภายใน 10 นาที สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มแต่งหน้าใหม่ๆ ก็สามารถทำตามวิธีนี้ได้เลย เริ่มต้นที่การบำรุงผิวหน้าของตนเอง เพื่อให้เมคอัพติดทนนานมากกว่าเดิม ปกปิดผิวหน้าให้เนียน เขียนคิ้ว แต่งตา ปัดบลัชออนที่แก้ม แล้วทาลิปสติกสีโปรด เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมแล้วที่จะออกไปพบปะผู้คนและทำงานไปด้วยความมั่นใจแล้ว ถ้าทำงานเก่งแถมยังสวย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวคุณเองและยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวคุณให้กับคนที่ต้องสื่อสารกับคุณอีกด้วย

 

บทความแนะนำ

Author Image

Sunny

Happy Work Happy Life